ธุรกิจเครือข่าย
![]() |
คลิ๊ก!!เพื่อไปยังบล็อกรวมสิ่งดีดีที่มีให้จาก : พละชัย ฟูเกียรติพงษ์ |
“หิน” คือ “หิน” อย่างไร ก็เป็น “หิน”
หวังปั้น “ดิน” ให้เป็น “ดาว” นั้นอย่าหมาย
จักเปลี่ยน “พลอย” ให้เป็น “เพชร” ได้เช่นไร
เขาเป็นได้ เท่าที่เป็น เช่นนั้นเอง
หลายคนที่ทำธุรกิจนี้เริ่มต้นทำธุรกิจแบบการแบ่งเวลาว่างๆ มาทำ แต่ปัจจุบันหลายคนได้ลาออกจากงานเก่ามาลุยทำธุรกิจเครือข่ายแบบเต็มเวลา และมีหลายคนที่มีกิจการอยู่แล้ว ก็เริ่มมาทำธุรกิจนี้อย่างจริงจัง เพราะเขามองเห็นโอกาส มองเห็นอนาคตของตนเองและทายาท มองเห็นวิธีการสร้างรายได้อย่างมหาศาลแบบง่าย ๆ เป็นธุรกิจที่มั่นคง
การทำธุรกิจเครือข่ายนี้ ไม่ต้องมีหน้าร้าน มีอิสรภาพทางด้านเวลาและการพักผ่อน ไม่มีเจ้านาย ไม่มีลูกน้อง อาจมีเพียงเอกสารหรือสินค้าไว้พร้อมขายหรือให้บริการเท่านั้น จะมีผู้ทำธุรกิจนี้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคต และไม่ใช่ว่าผู้ที่เริ่มก่อนจะได้เปรียบ แต่ขึ้นอยู่กับวิธีการทำธุรกิจมากกว่าว่าทำธุรกิจแบบใด ผู้เข้าร่วมธุรกิจไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์การทำงานมาก่อน ไม่จำกัดวุฒิการศึกษา สิ่งสำคัญเพียงอย่างเดียวก็คือ ผู้ที่ทำธุรกิจพร้อมที่จะเรียนรู้ระบบการทำงานทั้งหมด เรียนรู้แผนการทำงาน เรียนรู้ผลประโยชน์ที่จะได้รับในปัจจุบันและอนาคตของธุรกิจ โดยนำความรู้ที่ได้มาปฏิบัติและบอกต่อ โดยใช้ระบบสนับสนุนที่มีทั้งหมดช่วยในการทำธุรกิจ
ธุรกิจนี้ต้องการความจริงจังและสม่ำเสมอในการลงมือทำธุรกิจ มีอัตราการจ่ายผลตอบแทนสูง ทำได้จริงจ่ายจริง เพราะมีกฎหมายและหน่วยงานของรัฐคอยควบคุม ระบบการทำธุรกิจในอนาคตนี้ทุกคนที่ทำธุรกิจส่วนใหญ่ต่างไม่เคยทำมาก่อน เพียงแค่ศึกษาการทำงานอย่างจริงจัง พร้อมที่จะเรียนรู้และลงมือปฏิบัติอย่างจริงจัง ทำตามระบบ เลียนแบบการทำงานของที่ปรึกษาธุรกิจ เขาทำอย่างไรเราทำอย่างนั้น ทำตามระบบทีละขั้นตอนอย่างง่ายๆ
เริ่มก่อตั้งธุรกิจ
เมื่อคุณสมัครเป็นสมาชิกธุรกิจ
เปรียบเสมือนคุณได้เริ่มก่อตั้งธุรกิจของคุณเอง สิ่งแรกที่คุณต้องทำ คือ
เรียนรู้แผนการตลาด ลักษณะธุรกิจ การขยายธุรกิจ และความรู้อื่นๆ
ที่เกี่ยวข้อง โดยคุณจะมีพี่เลี้ยงจากผู้แนะนำธุรกิจคอยช่วยเหลือ แนะนำ
และช่วยคุณทำงานอย่างเป็นระบบ เมื่อคุณมีความรู้แนวทางการสร้างธุรกิจแล้ว
และต้องการสร้างรายได้ในทันที คุณต้องขยายธุรกิจ หรือขยายองค์กร
การขยายธุรกิจ หรือการขยายองค์กรก็คือการเปิดโอกาส ชวน
แนะนำโอกาสทางธุรกิจให้กับบุคคลอื่น คนที่คุณรู้จัก ไม่รู้จัก
ซึ่งมีวิธีต่างๆ มากมาย เพราะหัวใจสำคัญของธุรกิจคุณคือ การขยายโอกาส
การให้โอกาสแก่บุคคลอื่น เพราะการขยายองค์กรคือหัวใจสำคัญ
เช่นเดียวกันในการสร้างเครือข่ายผู้บริโภค
สรุป
1. ธุรกิจเครือข่ายเป็น ธุรกิจที่ชนะชนะ (Win - Win Business)
เมื่อทีมงานของท่านประสพความสำเร็จท่านก็ประสพความสำเร็จด้วย
เมื่อทีมงานของท่านประสพความสำเร็จท่านก็ประสพความสำเร็จด้วย
2. คือ ธุรกิจที่ไม่มีความเสี่ยง (No - Risk Business)
ด้วยขนาดเงินลงทุนต่ำ แต่ใช้สัมพันธภาพสูง ท่านไม่ต้องลงทุนสร้างทรัพย์สินอาคาร
, อุปกรณ์, ที่ดิน (บนกองหนี้สินหรือเงินกู้) แต่ท่านกำลัง สร้างทรัพย์สิน คือเครือข่ายประชากร (People Assets) ที่ผูกโยง กันด้วยสัมพันธภาพ และผลตอบแทนนี้ได้มาจากผลรวม ของทั้งเครือข่ายหรือเรียกผลตอบแทนนี้ว่า Passive Income (รายได้ที่ไม่ต้องลงแรงด้วยตนเอง แม้ว่าคุณจะหยุดทำงาน แต่รายได้ ของคุณไม่หยุด เงินจะไหลเข้าสู่กระเป๋าคุณตลอดเวลา)
ด้วยขนาดเงินลงทุนต่ำ แต่ใช้สัมพันธภาพสูง ท่านไม่ต้องลงทุนสร้างทรัพย์สินอาคาร
, อุปกรณ์, ที่ดิน (บนกองหนี้สินหรือเงินกู้) แต่ท่านกำลัง สร้างทรัพย์สิน คือเครือข่ายประชากร (People Assets) ที่ผูกโยง กันด้วยสัมพันธภาพ และผลตอบแทนนี้ได้มาจากผลรวม ของทั้งเครือข่ายหรือเรียกผลตอบแทนนี้ว่า Passive Income (รายได้ที่ไม่ต้องลงแรงด้วยตนเอง แม้ว่าคุณจะหยุดทำงาน แต่รายได้ ของคุณไม่หยุด เงินจะไหลเข้าสู่กระเป๋าคุณตลอดเวลา)
3. เป็นธุรกิจที่ท่านสามารถเลือกเวลาทำงานตามใจปรารถนา
ไม่ต้องตอกบัตรเข้างานตอนเช้า ไม่ต้องตอกบัตรออกงานตอนเย็นไม่ต้องยื่นใบลากิจ,
ลาพักร้อนกับใครนอกจากขออนุญาตตัวเอง เป็นเจ้านายตนเองในเวลาของตนเอง นี่คืออิสรภาพทางเวลา(Time Freedom)
ไม่ต้องตอกบัตรเข้างานตอนเช้า ไม่ต้องตอกบัตรออกงานตอนเย็นไม่ต้องยื่นใบลากิจ,
ลาพักร้อนกับใครนอกจากขออนุญาตตัวเอง เป็นเจ้านายตนเองในเวลาของตนเอง นี่คืออิสรภาพทางเวลา(Time Freedom)
4. เป็นธุรกิจที่กำลังอยู่ในทิศทางใหม่ของโลก
นักเศรษฐศาสตร์ระดับโลกหลายคนมีความเห็นตรงกันว่าโลกกำลังก้าวเข้าสู่ยุค
“ ธุรกิจเครือข่าย” ไบรอัน เทรซี่กล่าวว่าธุรกิจเครือข่ายเป็นธุรกิจแห่งอนาคตของคนรุ่นใหม่ในศตวรรษหน้า
นักเศรษฐศาสตร์ระดับโลกหลายคนมีความเห็นตรงกันว่าโลกกำลังก้าวเข้าสู่ยุค
“ ธุรกิจเครือข่าย” ไบรอัน เทรซี่กล่าวว่าธุรกิจเครือข่ายเป็นธุรกิจแห่งอนาคตของคนรุ่นใหม่ในศตวรรษหน้า
5. เป็นระบบที่เสริมสร้างโอกาส
เพราะผู้เข้าร่วมทำธุรกิจไม่จำเป็นต้องมีความรู้สูง ไม่ต้องมีประสบการณ์ แม้กระทั่งคนพิการยังประสพความสำเร็จในธุรกิจนี้มาแล้วมากมาย
เพราะผู้เข้าร่วมทำธุรกิจไม่จำเป็นต้องมีความรู้สูง ไม่ต้องมีประสบการณ์ แม้กระทั่งคนพิการยังประสพความสำเร็จในธุรกิจนี้มาแล้วมากมาย
6. เป็นระบบธุรกิจเดียวที่มีผลกำไรงอกเงย
ตลอด 24 ชั่วโมง/วัน ตลอด 365 วัน/ปี แม้ขณะที่ท่านกำลังหยุดพักผ่อน,
หรือพักร้อน เพราะเวลาทำงานภายในเครือข่ายของท่าน
ยังสามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่อง แม้ขณะที่ท่านนอนหลับ
7. เป็นระบบธุรกิจเดียวที่มีผลงานแห่ง ความพากเพียร
ความพากเพียรของท่าน วันละ 2 ชั่วโมง สามารถทวีคูณไปเป็น วันละ 2,000 ชั่วโมง หรือ 20,000 ชั่วโมง ตามความใหญ่โตของ เครือข่ายของท่านและเมื่อท่านสามารถสร้างสินทรัพย์ (People Assets) เครือข่ายอย่างมีคุณภาพ
ความพากเพียรของท่าน วันละ 2 ชั่วโมง สามารถทวีคูณไปเป็น วันละ 2,000 ชั่วโมง หรือ 20,000 ชั่วโมง ตามความใหญ่โตของ เครือข่ายของท่านและเมื่อท่านสามารถสร้างสินทรัพย์ (People Assets) เครือข่ายอย่างมีคุณภาพ
กฎแห่งความสำเร็จ
1.ตัดสินใจสำเร็จ 2.ทำในสิ่งที่ตัดสินใจ 3.ยืนหยัดทำในสิ่งที่ตัดสินใจ
ทัศนคติก่อนเริ่มต้นธุรกิจนั้นท่านควรปรับทัศนคติเสียก่อน ทัศนคติมี 2 ลักษณะ คือ
1.ทัศนคติบวก มองหาสิ่งที่เป็นไปได้ ก้าวไปข้างหน้า
2.ทัศนคติลบ มองเฉพาะสิ่งที่เป็นอยู่ อยู่กับที่
2.ทัศนคติลบ มองเฉพาะสิ่งที่เป็นอยู่ อยู่กับที่
หลักการคิดบวก
คิดบวกต่ออาชีพ
คิดบวกต่อตนเอง (ขยะเข้า = ขยะออก)
คิดบวกต่อผู้อื่น (ไม่มีใครในโลกที่สมบูรณ์แบบ)
คิดบวกต่อการลงทุน
คิดบวกต่อความล้มเหลว (ความล้มเหลว คืออุบัติเหตุของความสำเร็จ)
คิดบวกต่อตนเอง (ขยะเข้า = ขยะออก)
คิดบวกต่อผู้อื่น (ไม่มีใครในโลกที่สมบูรณ์แบบ)
คิดบวกต่อการลงทุน
คิดบวกต่อความล้มเหลว (ความล้มเหลว คืออุบัติเหตุของความสำเร็จ)
นิยามของความเชื่อ “อะไรก็ตามที่สมองมนุษย์ คิดและเชื่อ มันย่อมบรรลุได้” นโปเลียน ฮิลล์
ความเชื่อ คือพลังชีวิต
ความเชื่อ คือพลังสร้าง และพลังทำลาย
ความเชื่อ สร้างพลังที่จะลงมือทำ
ความเชื่อ เป็นดัชนีบ่งชี้ ความเป็นไปได้
ความเชื่อ ในสิ่งที่มองไม่เห็น เรียกว่าศรัทธา
ความเชื่อ คือพลังสร้าง และพลังทำลาย
ความเชื่อ สร้างพลังที่จะลงมือทำ
ความเชื่อ เป็นดัชนีบ่งชี้ ความเป็นไปได้
ความเชื่อ ในสิ่งที่มองไม่เห็น เรียกว่าศรัทธา
สร้างพันธะสัญญากับตนเอง
ผม/ฉันจะทำธุรกิจนี้ให้ มากพอ จนกว่าจะประสบความสำเร็จ
ผม/ฉันจะทำธุรกิจนี้ให้ นานพอ จนกว่าจะประสบความสำเร็จ
ผม/ฉันจะทำธุรกิจนี้ให้ นานพอ จนกว่าจะประสบความสำเร็จ
กฎความมุ่งมัน 3 ประการ
คุณจะขึ้นได้สูงเท่าไหร่นั่นเป็นผลมาจาก คุณต้องการสูงขนาดไหน
1.คุณจะต้องมุ่งมั่น, ทุ่มเทลงไปว่า จะเป็นผู้ที่เก่ง
2.การที่จะบรรลุเป้าหมายอย่างสูงได้นั้น คุณจะต้องกำหนดมันไว้ตั้งแต่เริ่มแรก
3.คุณไม่สามารถบินไปกับอินทรีได้ หากคุณยังคุ้ยเขี่ยอยู่กับอีแร้ง
***อย่าเข้าเป็นพวกกับ “NATO” No Action Talk Only***
ความฝัน ความใฝ่ฝันไม่มีขอบเขตจำกัด ดังนั้นศักยภาพของคุณจึงไร้ขีดจำกัดเช่นกัน1.คุณจะต้องมุ่งมั่น, ทุ่มเทลงไปว่า จะเป็นผู้ที่เก่ง
2.การที่จะบรรลุเป้าหมายอย่างสูงได้นั้น คุณจะต้องกำหนดมันไว้ตั้งแต่เริ่มแรก
3.คุณไม่สามารถบินไปกับอินทรีได้ หากคุณยังคุ้ยเขี่ยอยู่กับอีแร้ง
***อย่าเข้าเป็นพวกกับ “NATO” No Action Talk Only***
***นโปเลียนโปนาปาร์ท กล่าวว่า “จินตนาการ ปกครองโลก”
***อัลเบิร์ตไอไตน์ กล่าวว่า “จินตนาการ สำคัญเหนือข้อเท็จจริง”
หากคุณต้องการความสำเร็จ คุณต้องมีความฝันที่ใหญ่พอ เพื่อจะเป็นเชื้อเพลงในการขับเคลื่อนเป้าหมายของคุณ เหมือนคุณมีรถแต่ไม่มีเชื้อเพลงคุณก็ไม่สามารถจะขับไปไหนได้หรือหากมีน้อย เกินไปก็ไปไม่ถึงจุดหมายนั่นเอง
ระวัง อย่าอยู่ใกล้คนไร้ฝัน
เป้าหมาย คุณต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจน เมื่อคุณมีสิ่งที่ต้องการและมีความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะครอบครอง และระบุถึงรายละเอียดให้มากจนสามารถมองเห็นภาพได้
การวางแผน เมื่อคุณมีความฝันและเป้าหมายที่เด่นชัดแล้ว คุณต้องวางแผนเพื่อทำเป้าหมายให้บรรลุด้วย เช่นการกำหนดตารางการทำงาน
ความเชื่อ คุณต้องมีพลังแห่งความเชื่อมั่น เพราะในโลกนี้ไม่มีสิ่งใดที่มนุษย์ทำไม่ได้จงอย่าหาเหตุผลที่จะลบล้างความ เชื่อของคุณที่จะประสพความสำเร็จ ดังนั้นแผนการ ความฝันและเป้าหมายของคุณย่อมทำได้แน่นอน กระบวนการนี้ยังต้องการพลังแห่งการคิดบวกและพลังใจที่ปิดแน่นต่ออิทธิพลทาง ลบด้วย
“ไม่ใช่คนที่เข้มแข็งที่สุด ฉลาดที่สุด และรวดเร็วที่สุดจะเป็นผู้ชนะเสมอไป
เพราะสุดท้ายแล้วนั้น ผู้ที่ประสพความสำเร็จ คือ ผู้ที่เชื่อมั่นว่า "ฉันทำได้” นโปเลียนฮิลล์
“ความเชื่อเป็นตัวเร่งการให้เกิดการลงมือทำ ความเชื่อนี้ช่างน่าอัศจรรย์จริงๆ”
ข้อคิดชีวิตเพื่อคนทำงาน
อย่าทำงานเกินเวลาจนติดเป็นนิสัยเมื่อมันกลายเป็นนิสัยจะทำให้มันหมดคุณค่า ปล่อยตัวตามสบายได้ แต่อย่าถึงกับให้ดูโทรมนัก
จงทำตัวให้ร่าเริง คอยช่วยเหลือ และทำหน้าที่ให้ดีในการทำงานของคุณ คุณจะพบว่าไม่มีใครมาแข่งขันกับคุณ
อย่าได้ไว้เนื้อเชื่อใจว่าความสามารถ ความมีเสน่ห์ และจินตนาการจะนำพาคุณขึ้นไปสู่ตำแหน่งสูงสุดได้ คุณควรจะมีผมสีเทาและพุงป่องกลางอีกหน่อยด้วย
อย่าได้เป็นกังวลในเรื่องการปล่อยเวลาให้เปล่าประโยชน์ในสำนักงาน แต่เป็นกังวลกับการปล่อยชีวิตคุณเปล่าประโยชน์จะดีกว่า
อย่าโทษคอมพิวเตอร์สำหรับความผิดพลาดที่คุณทำขึ้นเอง
ลองคิดถึงเวลาที่คุณไม่มีเงินเดือนดูบ้าง
จงถือว่าสุขภาพคือทรัพย์สมบัติประการแรก
อย่าได้ก้มหน้าก้มตาทำงานจนไม่เคยสังเกตเห็นนก ต้นไม้ ดอกไม้และปุยเมฆ
ในเวลาอาหารกลางวัน จงเลือกรับประทานอย่างฉลาด แต่ในบางครั้งจงรับประทานให้เต็มที่
เมื่อใดที่สำนักงานทำให้คุณรู้สึกเศร้าสร้อย
จงนึกเสียว่านี่เป็นเกมกีฬาสำหรับคนที่ยังไม่เป็นผู้ใหญ่
และอย่าได้นำมันกลับบ้านไปด้วย
จำไว้ว่ายังมีอะไรๆอีกมากในการทำงานและในชีวิต มากกว่าการทำงานให้มีชีวิตอยู่ หรือมีชีวิตอยู่เพื่อจะทำงาน
อย่าทำเป็นคนตรงต่อเวลาไปถึงก่อนเวลาจะดีกว่า
อย่าทำเป็นคนตรงต่อเวลาไปถึงก่อนเวลาจะดีกว่า
อย่าได้หลอกตัวเองว่าการมีสิ่งของรกอยู่บนโต๊ะหมายถึงการมีงานมาก เพียงแต่หมายความว่าคุณยังไม่ได้ทำมันนั่นเอง
จัดเก็บโต๊ะของคุณให้เรียบร้อย บุคคลส่วนใหญ่ที่ประสบความสำเร็จจะมีโต๊ะทำงานที่ว่างโล่ง
อย่าเป็นกังวลมากจนเกินไปว่าเพื่อนร่วมงานคิดอย่างไรกับคุณเพราะส่วนใหญ่ในชีวิตของพวกเขา ไม่ได้คิดถึงคุณเลย
จงร่ำรวยเงินสด
จงหาเวลาแทนที่จะรอให้มีเวลา
จงยิ้มไว้เสมอ![]() |
ขอบคุณข้อมูลภาพ มีหลายท่านสนใจ :http://letsbehappy.exteen.com/20090924/vs |
สาเหตุ 50 ประการ ทำให้เครือข่าย ล้มเหลว
ไม่มีใครเกิดมาแล้วทำทุกสิ่งทุกอย่างได้เลยต้องอาศัยการเรียนรู้ ความเข้าใจ การฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง “สงครามใด ไม่มีการหลั่งเลือด ย่อมมิใช่สงคราม” แต่ผู้ที่จะพิชิตชัยในสนามรบได้ นอกจากจะแกร่งกล้าและเปี่ยมไปด้วยศักยภาพในทุกๆด้านแล้ว ยังจะต้องมีอาวุธประจำกายที่รู้ใจดุจดังเงา และในตอนนี้ คุณได้มีอาวุธคู่กายอยู่ในกำมือแล้ว หากคุณถามและตอบตัวเองแล้วว่า ต้องการพิชิตชัยชนะในศึกครั้งนี้ ถึงเวลาที่คุณต้องลงมือฝึกฝน โดยการอ่านคู่มือพร้อมทำแบบฝึกหัดที่มีในแต่ละชุดอย่างสม่ำเสมอ การเรียนรู้ในระบบนั้นมิใช่แต่ให้ท่านเพียงอ่านตามตำราเท่านั้น เพราะเราใช้หลักสูตรการเรียนแบบ เรียนรู้ พร้อมกับลงมือทำ และทำซ้ำๆ อย่างต่อเนื่องจนเชี่ยวชาญ
1. ไม่มีการเขียนเป้าหมาย (แรงกระตุ้นการทำงานของตัวเอง)
2. มุ่งแต่รอเวลาเพื่อสปอนเซอร์ผู้ที่มีรายได้สูง แทนที่จะเรียนรู้เป็นผู้มีรายได้สูงเสียเอง
3. ไม่ผูกพันอุทิศตัว ไม่ทุ่มเทในการทำงาน
4. ไม่มีการจัดระเบียบห้องทำงาน จนรกเกะกะ ทำให้เสียเวลามากเกินไปในการค้นหา
5. ไม่มีการจัดเก็บข้อมูลเอกสารที่เป็นประโยชน์ในการทำธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ
6. สนใจแต่ผลกำไรส่วนตัว ไม่ได้ห่วงใยในความต้องการของลูกค้าและทีมงานคนอื่น
7. ไม่มีเครื่องมือในการดำเนินธุรกิจเพื่อนำเสนอ และให้ข้อมูลลูกค้า, สมาชิก
8. ไม่มีการโทรศัพท์กลับอย่างทันทีทันใด เมื่อพลาดการติดต่อ
9. ไม่มีการชี้แนะวิธีการทำงานให้ทีมงาน หรือมีแต่ไม่น่าสนใจ
10. ล้มเหลวในการรักษาสัญญา การนัดหมาย โดยไม่มีคำอธิบายที่ดีพอ
11. ไม่มีการติดตามผลผู้มุ่งหวังและลูกค้าไม่ได้แสดงความห่วงใยที่เรามีให้เขาเห็น
12. ยอมแพ้ หรือล้มเลิกเร็วเกินไป โดยปกติคนเรามักจะเลิกภายใน 90วันแรก แทนที่จะเป็น1ปี
13. ท้อใจ ด้วยปัญหาและความไม่สะดวกสบายเล็ก ๆ น้อย ๆ กำลังใจค่อยหมดลง
14. พูดถึงบริษัทอื่นในทางที่ไม่ดี อยู่ตลอด จนไม่มีใครอยากเข้าใกล้เพราะกลัวเสียหาย
15. ไม่รู้จริงเรื่องการตลาดเครือข่าย และไม่เอาจริงกับมัน
16. การไม่เคารพนับถือในตัวเอง ชีวิตรอบตัวมีแต่เรื่องยุ่งเหยิง สกปรก ไม่ดูแลตัวเอง
17. ขี้เกียจทำงาน รอเก็บเกี่ยวผลงานจากความพยายามของลูกทีม อย่างเดียว
18. ไม่เป็นมืออาชีพ ในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ และแผนการตลาด
19. ไม่ได้สร้างฐานลูกค้าไว้ ทั้งที่สินค้าของบริษัทสามารถนำมาขายปลีกได้
20. ไม่สามารถนำเสนอประโยชน์ ผลดีของการใช้สินค้าได้อย่างชัดเจน เหมาะสมกับผู้ฟัง
21. ไม่มีการจัดการแก้ไข สิ่งที่ลูกค้า หรือลูกทีมบ่นต่อว่ามา
22. ไม่มีการยกย่องความสำเร็จของลูกทีม เป็นประเภทใช้ตัวเองเป็นศูนย์กลาง
23. ไม่มีการดำเนินงานทางธุรกิจทุกวัน
24. ไม่พอใจต่อผลรายได้ของผู้บริหารทีมงานตนเอง จึงทำงานเพื่อกันไม่ให้ได้
25. ชอบบ่นต่อว่าบริษัท สินค้า แผนการตลาด ผู้บริหารทีมงาน ไม่ช่วย
26. มีความคาดหวังที่ไม่สมจริงสมจัง ต้องการรายได้ที่ดีจากการลงแรงเพียงเล็กน้อย
27. เอาตัวเองไปอยู่ใกล้ ๆ คนที่พูดแง่ลบเป็นประจำ แทนที่จะอยู่ใกล้ๆ คนที่มีรายได้สูง และทัศนคติบวก
28. มีความอดทนน้อยเกินไปในเวลาสั้นๆ โดยไม่ได้ ให้ความพยายามอย่างมากเพียงพอ
29. ไม่ได้ส่งผ่าน ข้อมูลด้านเวลา การจัดกิจกรรมสู่ลูกทีม อย่างทันทีทันใด
30. บ่นมากเกินไป และทำตัวเหมือนลูกแหง่
31. เปลี่ยนบริษัทบ่อยๆ ในการทำธุรกิจเครือข่าย โดยไม่ได้สำเร็จแม้สักขั้นตอนหนึ่ง
32. เอาตัวเองเข้าไปเกี่ยวข้องกับ มันนี่เกม, ธุรกิจลูกโซ่ และธุรกิจอื่น ๆ ในทำนองนี้
33. ต้องถูกขับเคลื่อนด้วยกิจกรรมภายนอก แทนที่จะเป็นแรงกระตุ้นจากภายในของตนเอง
34. ไม่ยอมที่จะลงทุนใด ๆ เช่น การลงประชาสัมพันธ์, แผ่นพับ, ใบปลิว เป็นต้น
35. เป็นพวกขอปฏิเสธไว้ก่อน ชอบพูดว่า “ไม่ ../ แต่ยังไม่ทำตอนนี้”
36. ไม่รู้จักใช้โอกาสจากบริษัท ให้เป็นประโยชน์ ไม่มีความยืดหยุ่นทางความคิด
37. ไม่ได้เชื่อถือสินค้า หรือไม่เป็นผลิตผลของผลิตภัณฑ์ ใช้เพียงเพื่อให้ได้เงินเท่านั้น
38. จิตใจอ่อนไหวได้รับอิทธิพล หรือถูกชักจูง ได้ง่าย ไม่สามารถคิดได้ด้วยตัวเอง
39. ใช้เวลามากเกินไป ในการพิจารณาจัดองค์กร แทนที่จะใช้ในการนัดพบผู้มุ่งหวัง และลูกค้า
40. คาดหวังความสมบูรณ์แบบจากบริษัทหรือทีมงานใหม่ ในเวลาสั้นๆ
41. ไม่ได้มีการวางแผนเพื่อความสำเร็จ
42. ไม่พัฒนาตนเองให้เป็นมืออาชีพในการทำงาน
43. มีคำแก้ตัวอยู่เสมอ
44. คิดว่ารู้แล้วทุกเรื่อง จึงไม่ยอมรับการเรียนรู้ ใหม่ ๆ
45. ไม่อ่านหนังสือ หรือติดตามข่าวสารที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
46. สุขภาพไม่แข็งแรง หรือคิดไปเองว่าไม่แข็งแรง
47. ไม่ได้พยายามอย่างหนักเพื่อจะทำให้ดียอดเยี่ยมที่สุด
48. เชื่อข่าวลือ โดยไม่ได้ตรวจสอบความจริง ถูกหลอกง่าย
49. สำคัญมาก ไม่ได้เชื่อจริง ๆ ว่า “มันเกิดขึ้นได้ เมื่อฉันลงมือทำ”
50.ไม่รู้ว่า ทำไมตัวเอง ถึงมาทำธุรกิจนี้
ความรู้ธุรกิจขายตรง
ตัวอย่างนิยามต่างๆ ตามพระราชบัญญัติขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ. 2545
ขายตรง
หมายถึง การทำตลาดสินค้าหรือบริการในลักษณะของการนำเสนอขายต่อผู้บริโภคโดยตรง ณ ที่อยู่อาศัยหรือสถานที่ทำงานของผู้บริโภคหรือของผู้อื่น หรือสถานที่อื่นที่มิใช่สถานที่ประกอบการค้าเป็นปกติธุระ โดยผ่านตัวแทนขายตรงหรือผู้จำหน่ายอิสระชั้นเดียวหรือหลายชั้น แต่ไม่รวมถึงนิติกรรมตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
ผู้บริโภค
หมายถึง ผู้ซื้อหรือผู้ได้รับบริการจากผู้จำหน่ายอิสระ ตัวแทนขายตรง ผู้ประกอบธุรกิจขายตรง หรือผู้ประกอบธุรกิจตลาดแบบตรง หรือผู้ซึ่งได้รับการเสนอหรือการชักชวนจากผู้จำหน่ายอิสระ ตัวแทนขายตรง ผู้ประกอบธุรกิจขายตรงหรือผู้ประกอบธุรกิจตลาดแบบตรง เพื่อให้ซื้อสินค้าหรือรับบริการ
หมายถึง ผู้ซื้อหรือผู้ได้รับบริการจากผู้จำหน่ายอิสระ ตัวแทนขายตรง ผู้ประกอบธุรกิจขายตรง หรือผู้ประกอบธุรกิจตลาดแบบตรง หรือผู้ซึ่งได้รับการเสนอหรือการชักชวนจากผู้จำหน่ายอิสระ ตัวแทนขายตรง ผู้ประกอบธุรกิจขายตรงหรือผู้ประกอบธุรกิจตลาดแบบตรง เพื่อให้ซื้อสินค้าหรือรับบริการ
ผู้จำหน่ายอิสระ
หมายถึง บุคคลที่ได้รับโอนกรรมสิทธิ์ในสินค้าหรือบริการจากผู้ประกอบธุรกิจขายตรงและ นำสินค้าหรือบริการดังกล่าวไปเสนอขายตรงต่อผู้บริโภค
หมายถึง บุคคลที่ได้รับโอนกรรมสิทธิ์ในสินค้าหรือบริการจากผู้ประกอบธุรกิจขายตรงและ นำสินค้าหรือบริการดังกล่าวไปเสนอขายตรงต่อผู้บริโภค
ตัวแทนขายตรง
หมายถึง บุคคลซึ่งได้รับมอบอำนาจจากผู้ประกอบธุรกิจขายตรงให้นำสินค้าหรือบริการไปเสนอขายตรงต่อผู้บริโภค
หมายถึง บุคคลซึ่งได้รับมอบอำนาจจากผู้ประกอบธุรกิจขายตรงให้นำสินค้าหรือบริการไปเสนอขายตรงต่อผู้บริโภค
ประวัติธุรกิจขายตรง
--------------------------------------------------------------------------------
--------------------------------------------------------------------------------
การขายตรงเป็นวิธีการที่มีมาตั้งแต่ยุคโบราณ
โดยเริ่มจากพ่อค้าเร่ที่ใช้วิธีการเดินเข้าไปหาลูกค้า
เพื่อการซื้อขายหรือแลกเปลี่ยนสินค้า
ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสินค้าเบ็ดเตล็ดที่ใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น หวี เข็ม ด้าย
ต่อมาเมื่อการคมนาคมมีความสะดวกสบายมากขึ้น ยกตัวอย่าง เช่น
บทบาทของพ่อค้าเร่ในสหรัฐอเมริกา (Yankee Peddlers)
ก็เพิ่มความสำคัญมากขึ้นเช่นกัน พ่อค้าบางคน ที่พอมีฐานะก็เริ่มใช้เกวียน
หรือม้าในการเดินทางเพื่อไปขายสินค้า
และขยายไปสู่การเดินทางโดยทางเรือไปในหลายๆ ประเทศการขายตรงโดยพ่อค้าตรงถึงผู้บริโภคจึงกระจายไปยังทั่วทุกภูมิภาคของโลก เช่น แอฟริกา ฝรั่งเศส อังกฤษ ยุโรป เยอรมัน ฮังการี และจีน
ในปี พ.ศ.2429
เดวิด แมคคอนแนล
เซลล์แมนผู้ขายสินค้าตามบ้านได้ค้นพบความจริงว่าตัวอย่างน้ำหอมที่ให้ลูกค้า
ผู้หญิงทดลองใช้เป็นที่นิยมมากกว่าหนังสือที่เขาเสนอขาย
จึงได้ก่อตั้งบริษัท แคลิฟอร์เนีย เพอร์ฟูม ขึ้นในรัฐนิวยอร์ก
และในเวลาต่อมา บริษัทได้เปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท เอวอน โปรดักส์ ในปี พ.ศ. 2482 โดยเขาต้องการยกย่องสรรเสริญนักประพันธ์ วิลเลียม เช็คสเปียร์ ในบทประพันธ์ที่เขาชื่นชอบเรื่อง Stratford upon Avon
มิสซิส พีเอฟพี แอลบี้ แห่งวินเชสเตอร์ รัฐนิวแฮมเชียร์
เป็นผู้บุกเบิกระบบการขายตรงของเอวอน
ซึ่งมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน
เธอได้เป็นสมาชิกคนแรกของบริษัท เมื่อแมคคอนแนลจ้างเธอให้ขายน้ำหอม
ลิตเติ้ล ดอท เพอร์ฟูม แก่เพื่อนและเพื่อนบ้าน
เธอได้รับสมัครผู้หญิงอีกมากมายให้มาทำหน้าที่แบบเดียวกันและได้ขยายอาณาเขต
ของธุรกิจออกไปครอบคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือทั้งหมด
นับว่าได้สร้างกลุ่มนักบริหารธุรกิจหญิงที่ประสบความสำเร็จให้เกิดขึ้น
ดังนั้นจึงถือได้ว่า
เอวอนเป็นบริษัทขายตรงรายแรกในด้านผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์เพื่อ
ความงาม และเป็นต้นแบบของการขายตรงแบบชั้นเดียว (Single - level Marketing หรือ SLM)
จนกระทั่งปี พ.ศ.2489
ระบบการสาธิตที่เรียกว่า Home Party ได้เข้ามามีบทบาทในวงการขายตรงเมื่อ
บริษัท ทัพเพอร์แวร์ โดย Earl Tupper
ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนพลาสติกส่งให้กับบริษัทผลิตเครื่องบินตั้งแต่สมัย
สงครามโลกครั้งที่ 2
ภายหลังจากที่สงครามสงบจึงได้ผลิตกล่องเก็บอาหารพลาสติกซึ่งเป็นการปฏิวัติ
การนำพลาสติกมาใช้เพื่อเก็บอาหารแบบสุญญากาศแล้วนำออกวางจำหน่ายบนชั้นวาง
สินค้าในห้างสรรพสินค้า
แต่ปรากฏว่าไม่ประสบความสำเร็จเพราะลูกค้าไม่มีความเข้าใจในวิธีการใช้
ทัพเพอร์แวร์ จึงได้เปลี่ยนมาใช้กลยุทธ์ใหม่ในปี พ.ศ.2491
โดยการใช้นักขายผู้หญิงและนัดหมายลูกค้าผู้หญิงกลุ่มเป้าหมายมายังบ้านของ
บุคคลที่เรียกว่าเป็น “เจ้าภาพ” ของการนัดหมายนี้
เพื่อทำการสาธิตการใช้สินค้าและเป็นการสังสรรค์ในหมู่ผู้หญิงด้วยกัน
ปรากฏว่าวิธีการดังกล่าวประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีและการสาธิตก็เข้ามามี
บทบาทมากขึ้น แต่ก็ยังใช้วิธีการจ่ายผลตอบแทนให้แก่นักขายแบบชั้นเดียว
ปี พ.ศ.2477
คาร์ล เอฟ เรห์นบอร์ก
ผู้ริเริ่มค้นคว้าพัฒนาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนิวทริไลท์และได้เริ่มใช้ระบบการ
จ่ายผลตอบแทนแบบใหม่ให้แก่นักขายของนิวทริไลท์
โดยนักขายจะได้ผลตอบแทนจากยอดขายของตนและจากยอดขายของผู้ที่ตนแนะนำมาทำ
ธุรกิจด้วย
ต่อมาในปี พ.ศ.2492
เจย์ แวน แอนเดล และริช เดอโวส
หนุ่มน้อยสองคนได้เข้ามาเป็นผู้จำหน่ายผลิต-ภัณฑ์เสริมอาหารนิวทริไลท์และ
ประสบความสำเร็จในอาชีพอย่างมากมาย ดังนั้น ในปี พ.ศ.2502
ทั้งสองคนจึงได้ตัดสินใจก่อตั้ง แอมเวย์ คอร์ปอร์เรชั่น ขึ้น
และได้ผลิตผลิตภัณฑ์ใหม่ขึ้นมาภายใต้ชื่อแอมเวย์
โดยเน้นที่ผลิตภัณฑ์ในครัวเรือนประเภทอุปโภคบริโภคและเป็นผลิตภัณฑ์ธรรมดาๆ
ที่ใครๆ ก็สามารถขายได้ โดยยังคงทำตลาดแบบขายตรงอยู่
และแอมเวย์ก็ได้พัฒนาระบบการตลาดแบบหลายชั้น
(Multi - level Marketing หรือ MLM ) อย่างเต็มรูปแบบ ขึ้น
จนต่อมาทั้งสองได้ซื้อกิจการนิวทริไลท์เข้ามารวมเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม
ผลิตภัณฑ์ของแอมเวย์
การพัฒนาของระบบ MLM ได้ผ่านช่วงเวลามาหลายยุคหลายสมัยด้วยกัน
Wave 1 ช่วงปี พ.ศ.2488 – พ.ศ.2522 เข้าสู่ยุคสร้างฐาน
Wave 2 ช่วงปี พ.ศ. 2523 - พ.ศ. 2532 การเติบโตอย่างก้าวกระโดด
Wave 3 ช่วงปี พ.ศ. 2533 - พ.ศ. 2542 เริ่มการกระจายตลาดสู่มวลชน
Wave 4 ช่วงปี พ.ศ. 2543 เป็นต้นมา ก้าวสูกระแสโลกาภิวัฒน์ โลกทั้งโลกเชื่อมโยงไว้ด้วยกัน
Wave 2 ช่วงปี พ.ศ. 2523 - พ.ศ. 2532 การเติบโตอย่างก้าวกระโดด
Wave 3 ช่วงปี พ.ศ. 2533 - พ.ศ. 2542 เริ่มการกระจายตลาดสู่มวลชน
Wave 4 ช่วงปี พ.ศ. 2543 เป็นต้นมา ก้าวสูกระแสโลกาภิวัฒน์ โลกทั้งโลกเชื่อมโยงไว้ด้วยกัน
ในระยะเวลา 60 ปีของการเติบโตของระบบ MLM นั้น ในช่วง 25
ปีแรกเป็นช่วงที่ไม่มีกฎหมายควบคุมและเป็นช่วงที่มีทั้งคนที่ตั้งใจทำธุรกิจ
ด้วยเจตนาที่ดีและไม่ดีเข้ามาสู่ธุรกิจขายตรง จนกระทั่งปี พ.ศ.2533 จึงเริ่มกระจายธุรกิจสู่มวลชน (Mass Marketing)
การใช้อินเทอร์เน็ตเริ่มเข้ามามีบทบาทในทุกวงการมากขึ้นรวมทั้งวงการขายตรง
ทำให้ธุรกิจขายตรงสามารถเติบโตอย่างไม่หยุดยั้ง บริษัทผู้ประกอบการ นักขายอิสระ และผู้บริโภคสามารถ
ติดต่อสื่อสารและทำธุรกิจกันได้อย่างอิสระบนโลกอินเทอร์เน็ต
โดยเฉพาะนักขายตรงผู้มีส่วนสำคัญมากขึ้นทุกขณะใน
การปฏิวัติวิธีการช้อปปิ้งแบบส่งตรงถึงบ้านโดยไม่ต้องไปห้างสรรพสินค้า
ธุรกิจขายตรงในประเทศไทย เริ่มเข้ามามีบทบาทต่อวงการตลาดเมื่อราว 40
ปีที่แล้ว โดยบริษัท ทัพเพอร์แวร์ (ประเทศไทย)
จำกัดซึ่งเป็นผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์เก็บอาหารแบบ สุญญากาศที่ทำจากพลาสติก
ได้เป็นผู้ริเริ่มนำวิธีการที่เรียกว่า Home Party
เข้ามาใช้เป็นครั้งแรกในการขาย
ซึ่งเป็นรูปแบบการขายตรงที่เปิดโอกาสทั้งด้านการขาย ความสะดวก ในการซื้อ
และเป็นการสร้างสังคมเฉพาะสำหรับผู้หญิงไทย
ในช่วงนั้นการสาธิตเข้ามามีบทบาทในวงการขายตรงไทยมากทีเดียว
ในระยะเวลาต่อมา ธุรกิจขายตรงในประเทศไทยก็ขยายตัวแพร่หลายยิ่งขึ้น
มีบริษัทจากต่างประเทศและในประเทศทยอยเปิดตัวและนำเสนอสินค้าใหม่ๆ สู่ผู้บริโภค อาทิ เครื่องสำอาง หนังสือ เครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น
ต่อมาในปี พ.ศ.2521 บริษัท เอวอน คอสเมติคส์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ก่อตั้งขึ้น นับเป็นสาขาที่ 22 ของเอวอน โปรดักส์ อิงค์ และเป็นต้นแบบของการขายตรงแบบชั้นเดียว
(Single - level Marketing หรือ SLM) อย่างเต็มรูปแบบในเมืองไทยที่
ให้บริการลูกค้าด้านผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์เพื่อความงามด้วยระบบ
ขายตรง
โดยจัดทำผ่านผู้จำหน่ายอิสระซึ่งเป็นผู้แทนของบริษัทในการออกไปเยี่ยมเยียน
ลูกค้าในเขตของตนเองเพื่อแนะนำและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ถึงบ้านโดยตรง
ระบบขายตรงแบบชั้นเดียวได้รับความนิยมเรื่อยมา และในระยะเวลาเกือบ 10 ปีต่อมา ก็มีบริษัทขายตรงระบบการตลาดหลายชั้นเริ่ม
เข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทย จนกระทั่งในปี 2530 บริษัท แอมเวย์
(ประเทศไทย) จำกัด
ได้เข้ามาในธุรกิจขายตรงในประเทศไทยทำการตลาดด้วยระบบการตลาดแบบหลายชั้น
(Multi - level Marketing หรือ MLM) อย่างเต็มรูปแบบ
โดยจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค
ซึ่งนอกจากมีรายได้ขายปลีกจากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ให้กับลูกค้าแล้ว
ผู้จำหน่ายยังมีรายได้เพิ่มจากเงินอัตราส่วนจากยอดขายรวมของผู้จำหน่ายที่ตน
ให้การสปอนเซอร์เข้ามาในองค์กรด้วย
รายได้ประเภทนี้จะมากหรือน้อยแปรผันไปกับระดับขั้นของ
ความมานะพยายามทั้งในการขายและการสปอนเซอร์ของผู้จำหน่ายนั้นๆ
ผู้ที่มีความขยันและทำงานมีผลงานมากจะได้รับผลตอบแทนในระดับที่สูงเป็นขั้นๆ
ไป
ธุรกิจขายตรงในเมืองไทยเติบโตอย่างรวดเร็ว
มูลค่าการซื้อขายเพิ่มมากขึ้นทุกๆ ปี มีบริษัทต่างๆ เกิดขึ้นอย่างมากมาย
จึงได้เกิดการรวมตัวของผู้ประกอบการและก่อตั้งสมาคมการขายตรงไทย (Thai
Direct Selling Association หรือ TDSA) ขึ้นเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2526
และสมาคมได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกของสมาพันธ์การขายตรงโลก (World Federation
of Direct Selling Associations หรือ WFDSA) ที่มีประเทศต่างๆ
เข้าร่วมเป็นสมาชิกมากกว่า 50 ประเทศทั่วโลก
สมาคมมีบทบาทสำคัญต่อวงการขายตรงไทยเรื่อยมา ทั้งต่อภาครัฐ ผู้ประกอบการ
ผู้จำหน่าย และผู้บริโภคโดยเฉพาะการมีส่วนร่วมให้ข้อมูลและสนับสนุนให้เกิดพระราชบัญญัติขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ. 2545
ธุรกิจขายตรงในเมืองไทยเติบโตขึ้นเรื่อยๆ
มีผู้คนมากมายหลั่งไหลเข้ามาสู่ธุรกิจขายตรง
เพราะธุรกิจขายตรงเป็นธุรกิจที่เปิดโอกาสให้กับคนทุกเพศ ทุกวัย
ทุกระดับการศึกษา ทุกฐานะ ทุกสังคม ได้เข้ามาอย่างมีความหวัง
ไม่ว่าจะเป็นการมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น การมีอิสระทางการเงินและเวลา
โอกาสท่องเที่ยวหาประสบการณ์ทั้งในและต่างประเทศทั่วโลก
และได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติ
และธุรกิจขายตรงยังเป็นโอกาสที่เปิดกว้างสำหรับผู้คนทั่วไปที่ต้องการเป็น
เจ้าของธุรกิจของตนเองด้วยการลงทุนต่ำและมีความเสี่ยงน้อยมาก
จึงนับว่าเป็นธุรกิจมวลชนที่ส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้คนมีสปิริตของนักค้า
นักขายเติบโตขึ้นได้เท่าที่ปรารถนาและลงแรงทุ่มเทความพยายาม
ผลตอบแทนก็จะเกิดขึ้นมากน้อยตามความมานะพยายามและการทุ่มเทเวลาในการทำ
ธุรกิจของแต่ละบุคคล
ประโยชน์ของธุรกิจขายตรง
--------------------------------------------------------------------------------
--------------------------------------------------------------------------------
- ผู้ขายได้พบกับผู้บริโภคโดยตรง
- สร้างความสะดวกสบายแก่ผู้บริโภค
- ผู้ขายสามารถให้คำแนะนำ/ให้บริการแก่ผู้บริโภคอย่างใกล้ชิด
- สร้างโอกาสในทางสังคมและรายได้แก่ผู้ขาย
- สร้างความสะดวกสบายแก่ผู้บริโภค
- ผู้ขายสามารถให้คำแนะนำ/ให้บริการแก่ผู้บริโภคอย่างใกล้ชิด
- สร้างโอกาสในทางสังคมและรายได้แก่ผู้ขาย
ขอบคุณ biib : ซื้อขาย ผลิตภัณฑ์ สมัครทำธูรกิจ ตามแต่จะสะดวกติดต่อที่นี่ครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น